รพ.มหาสารคาม ร่วมกิจกรรม Kick off ฉีดวัคซีน HPV 9 สายพันธุ์ พร้อมเสริมศักยภาพ อสม. 7,000 คน ห่างไกลจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)

 

โรงพยาบาลมหาสารคาม ร่วมกิจกรรม Kick off ฉีดวัคซีน HPV 9 สายพันธุ์ ให้กับนักเรียนหญิงชั้น ป.5 จังหวัดมหาสารคาม เดินหน้าฉีดต่อเนื่องครอบคลุมเป้าหมายหญิงไทย 11 – 20 ปี รวม 28,076 คน ลดการป่วยด้วยมะเร็งปากมดลูกในอนาคต พร้อมเสริมศักยภาพ อสม. มหาสารคาม 7,000 คน ให้จัดการสุขภาพประชาชนกลุ่มเป้าหมาย ถ่ายทอดความรู้ ช่วยให้ห่างไกลจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)

วันนี้ (17 มกราคม 2568) นายแพทย์ภาคภูมิ มโนสิทธิศักดิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาสารคาม พร้อมด้วย ผู้บริหาร ร่วมต้อนรับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในโอกาสลงพื้นที่อำเภอโกสุมพิสัย และอำเภอวาปีปทุม จังหวัดมหาสารคาม เปิดประชุมเสริมสร้างความเข้มแข็งและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายสุขภาพ ภายใต้แนวคิด คนไทยห่างไกล NCDs ด้วยกลไก อสม. พร้อมมอบชุดอุปกรณ์การทำงาน health station ให้กับตัวแทน อสม. และเปิดกิจกรรม Kick off ฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV 9 สายพันธุ์ โดยมี นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ว่าที่นายกองเอก เสนีย์ มะโน รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม นายแพทย์เอกชัย เพียรศรีวัชรา ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 7 ดร.นพ.พิทักษ์พงศ์ พายุหะ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมหาสารคามบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และอสม. ร่วมงาน

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นโยบายกระทรวงสาธารณสุข ปี 2568 ประเด็น “คนไทยห่างไกลโรคและภัยสุขภาพ” ได้มุ่งเน้นการลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) และโรคมะเร็ง ที่เป็นปัญสำคัญของประเทศ โดยเฉพาะโรคมะเร็งปากมดลูกที่พบมากเป็นอันดับ 2 ของหญิงไทย ซึ่งป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน HPV ได้มีการสานต่อโครงการฉีดวัคซีน HPV ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อลดอัตราการป่วยและการเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูก ของหญิงไทยในอนาคต โดยจัดหาวัคซีน HPV ชนิด 9 สายพันธุ์ ฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายกว่า 1 ล้านคน สำหรับการจัดกิจกรรมที่ โรงเรียนโกสุมวิทยาสรรค์ อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ในวันนี้ มีการฉีดวัคซีน HPV ชนิด 9 สายพันธุ์ ให้กับนักเรียนหญิงชั้น ป.5 ของอำเภอโกสุมพิสัย 200 คน และจะดำเนินการจนครบกลุ่มป้าหมายทั้งจังหวัดรวม 28,076 คน

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการส่งเสริม ป้องกัน และควบคุมโรค NCDs มี อสม.เป็นกลไกสำคัญในการดำเนินงาน โดยปัจจุบัน อสม. ทั่วประเทศกว่า 1 ล้านคน สามารถนับคาร์บ หรือคาร์โบไฮเดรตจากแป้งและน้ำตาลได้แล้ว จึงขับเคลื่อนงานต่อด้วยการ “สร้างความเข้มแข็งเครือข่ายสุขภาพภาคประชาชน คนไทยห่างไกล NCDs” พัฒนาศักยภาพของ อสม. ในการถ่ายทอดความรู้เรื่องการนับคาร์บ การปรับพฤติกรรมสุขภาพให้กับประชาชน โดย อสม. 1 คน จะให้ความรู้ประชาชน 50 คน ซึ่งจะส่งผลให้มีคนไทย กว่า 50 ล้านคน เข้าใจเรื่องการนับคาร์บและการปรับพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม ซึ่งจะป้องกันโรค NCDs ได้มากถึงร้อยละ 80 ช่วยให้ประชาชนมีสุขภาพดีขึ้น ลดค่ายา ค่ารักษาพยาบาล และลดความสูญเสียก่อนวัยอันควร ถือเป็นวิธีการที่ทำให้มีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน

ด้าน ดร.นพ.พิทักษ์พงศ์ กล่าวว่า จังหวัดมหาสารคาม มีผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และ โรคเบาหวานร่วมกับความดันโลหิตสูง รวม 113,971 คน มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น และมีอัตราป่วยตายด้วยโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง มากเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ซึ่งในการจัดประชุมเสริมสร้างความเข้มแข็งและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายสุขภาพ ภายใต้แนวคิดคนไทยห่างไกล NCDs ด้วยกลไก อสม. ครั้งนี้ ได้มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพในการจัดการสุขภาพประชาชนกลุ่มเป้าหมาย NCDs ส่งเสริมการบริโภคคาร์โบไฮเดรตโดยการนับคาร์บแก่ประชาชนอย่างถูกต้อง เพื่อลดความเสี่ยงสำคัญที่ก่อให้เกิดโรค NCDs โดยมี อสม. ในจังหวัดมหาสารคามเข้าร่วมประชุมกว่า 7,000 คน

 

รพ.มหาสารคาม รับมอบรถเอ็กซเรย์เคลื่อนที่ และรถรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ มูลค่ารวม 12 ล้านบาท

โรงพยาบาลมหาสารคาม ร่วมพิธีถวายราชสดุดี และน้อมร้าลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ ๕ ธันวาคม ๒๕๖๗ วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ และพิธีมอบรถเอ็กซเรย์เคลื่อนที่ รถรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ มูลค่ารวม ๑๒ ล้านบาท ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิม พระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗
ที่บริเวณลานเจดีย์ศรีมหาสารคาม วัดพุทธวนาราม (วัดป่าวังน้ำเย็น) ต้าบลเกิ้ง อ้าเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม นายสมศักดิ์ อนุราชเสนา ประจำสำนักพระราชวังพิเศษ ระดับ 10 เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และถวายราชสดุดี น้อมร้าลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ ๕ ธันวาคม ๒๕๖๗ วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ และพิธีมอบรถเอ็กซเรย์เคลื่อนที่ รถรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ และมอบเครื่องอุปโภค บริโภคให้แก่ประชาชนจำนวน ๑๐,๐๐๐ ชุด ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิม พระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗
ในโอกาสนี้ นายแพทย์ภาคภูมิ มโนสิทธิศักดิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาสารคาม คณะกรรมการบริหาร คณะแพทย์ พยาบาล และบุคลากรโรงพยาบาล จำนวนกว่า ๑๐๐ คน เข้าร่วมพิธี เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นที่มีต่อปวงชนชาวไทย และได้ร่วมกันรับมอบรถเอ็กซเรย์เคลื่อนที่จำนวน ๑ คัน มูลค่า ๙,๕๐๐,๐๐๐ บาท และรถรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่จ้านวน ๑ คัน มูลค่า ๒,๕๐๐๐,๐๐๐ โดยพระวชิรญาณวิศิษฏ์ วิ. หรือ พระอาจารย์สุริยันต์ โฆสปญฺโญ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาชัย พระอารามหลวง และประธานสงฆ์วัดพุทธวนาราม (วัดป่าวังน้ำเย็น) ร่วมกับเหล่าผู้มีจิตอันเป็นกุศลและพุทธศาสนิกชนจากทั่วประเทศ รวบรวมปัจจัยจัดซื้อเพื่อมอบให้กับโรงพยาบาลมหาสารคาม
นายแพทย์ภาคภูมิ มโนสิทธิศักดิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาสารคามเปิดเผยว่า รถเอ็กซเรย์เคลื่อนที่ และรถรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ ถือเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ตอบสนองความต้องการด้านการตรวจวินิจฉัยโรคแก่ผุ้ป่วยในพื้นที่ห่างไกลหรือในกรณีฉุกเฉิน เพิ่มโอกาสและเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ของประชาชนในพื้นที่จังหวัดมหาสารคามได้อย่างยิ่ง
สำหรับรถเอ็กซเรย์เคลื่อนที่ ภายในมีเครื่องเอกซเรย์ประสิทธิภาพสูง พร้อมจอแสดงผลความละเอียดสูง สามารถเอกซเรย์อวัยวะ โดยเฉพาะปอดเพื่อตรวจคัดกรองวัณโรคในระยะเริ่มต้นได้ อีกทั้งภาพเอกซเรย์จะถูกจัดเก็บในระบบออนไลน์ และส่งมาให้แพทย์วินิจฉัยได้ในโรงพยาบาล ทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องเดินทางมาที่โรงพยาบาล ทำให้ลดการแพร่กระจายของโรค ในส่วนของรถรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ จะเพิ่มศักยภาพในการจัดหาโลหิตให้แก่ผู้ป่วยที่ต้องการโลหิตเพื่อการรักษา ของโรงพยาบาลมหาสารคาม

โรงพยาบาลมหาสารคาม ร่วมกิจจกรรมจิตอาสา เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2567

(5-12-2567)  ที่สนามหน้าศูนย์ราชการจังหวัดมหาสารคาม  นายแพทย์ภาคภูมิ มโนสิทธิศักดิ์  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาสารคาม มอบหมายให้ นายศิวกร แสนยะมาตย์ หัวหน้ากลุ่มงานบริหารทั่วไป พร้อมด้วยคณะบุคลากร เข้าร่วมกิจจกรรมจิตอาสา เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2567  โดยมีนายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานกิจกรรม มีประชาชนจิตอาสา และผู้แทนภาคส่วนต่างๆ เข้าร่วมทำความสะอาดและ ปรับปรุงภูมิทัศน์

 

เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ เพื่อเป็นการรวมความสมัครสมานสามัคคีของคนไทยทุกคน ในการทำกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ เพื่อพัฒนาพื้นที่ในชุมชนต่างๆ ให้มีความเจริญ เกิดประโยชน์ต่อชุมชนอย่างถาวร ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ แห่งพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใยและทรงคำนึงถึง ความอยู่ดีมีสุขของประชาชนเป็นสำคัญ

 

 

รพ.มหาสารคาม ร่วมพิธีวางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรม ราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2567

 

 

(5-12-2567) ที่หอประชุมจังหวัดมหาสารคาม  นายแพทย์ภาคภูมิ  มโนสิทธิศักดิ์  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาสารคาม  มอบหมายให้ นางกัญตา คำพอ  รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร เข้าร่วมพิธีถวายพานพุ่มราชสักการะ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2566  โดยมี นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานพร้อมด้วย ศาล ทหาร ตำรวจ หน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน และประชาชนเข้าร่วมพิธี เพื่อร่วมกันแสดงออกถึงความจงรักภักดี และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน

    ตลอดระยะเวลา 70 ปี แห่งรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ปวงพสกนิกรใต้ร่มพระบารมีทั่วราชอาณาจักรต่างประจักษ์ซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณและพระเมตตา ที่ได้ทรงทุ่มเทกำลังพระวรกาย และกำลังพระสติปัญญา ปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อประโยชน์สุขแห่งปวงพสกนิกร เป็นดั่งพ่อหลวงของชาวไทย จึงเป็นที่มาของ “วันพ่อแห่งชาติ” โดยประเทศไทยจัดวันพ่อแห่งชาติขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2523 ซึ่งคุณหญิงเนื้อทิพย์ เสมรสุต นายกสมาคม  ผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษาเป็นผู้คิดริเริ่ม กำหนดให้ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ซึ่งเป็นคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

    หลังจากนั้นเป็นต้นมาทุกวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปีคือ “วันพ่อแห่งชาติ” เพื่อเทิดทูนพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 รวมถึงเป็นการให้ความสำคัญกับบทบาทของพ่อที่มีต่อสถาบันครอบครัวและสังคมไทย โดยคณะรัฐมนตรีกำหนดวันพ่อแห่งชาติให้เป็นวันหยุดราชการประจำปีในประเทศไทย

 

 

 

 

 

 

 

รพ.มหาสารคาม จัดกิจกรรมรณรงค์วันส้วมโลก ประจำปี พ.ศ. 2567

“ส้วมสะอาด ปลอดภัย ปลอดโรค” รพ.มหาสารคาม จัดกิจกรรมรณรงค์วันส้วมโลก ประจำปี พ.ศ. 2567
นายแพทย์ภาคภูมิ มโนสิทธิศักดิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาสารคาม มอบหมายให้คุณกัญตา คำพอ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมรณรงค์วันส้วมโลก ประจำปี พ.ศ. 2567 เพื่อสร้างความตระหนัก และส่งเสริมให้ผู้มารับบริการเห็นความสำคัญ และมีพฤติกรรมในการใช้ส้วมสาธารณะได้อย่างถูกต้อง และปลอดภัย และพัฒนาส้วมสาธารณะของโรงพยาบาลมหาสารคาม ให้เป็นไปตามมาตรฐานความสะอาด และความปลอดภัย อีกทั้งช่วยส่งเสริมให้พนักงานทำความสะอาดในโรงพยาบาล สามารถปฏิบัติตนตามแนวทางการควบคุมและป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล ขณะปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง และปลอดภัย โดยมีนายศิวกร แสนยะมาตย์ หัวหน้ากลุ่มงานบริหารทั่วไปเป็นผุู้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์และรูปแบบการจัดกิจกรรม ณ บริเวณลานหน้าห้องน้ำสาธารณะหลังอาคาร 60 ปี โรงพยาบาลมหาสารคาม
โดยมีผุ้เข้าร่วมงานประกอบด้วย อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม จำนวน 30 คน บุคลากรโรงพยาบาลมหาสารคาม ได้แก่ ผู้บริหาร หัวหน้ากลุ่มงาน หัวหน้างาน หัวหน้าหอผู้ป่วย และพนักงานทำความสะอาด จำนวน 30 คน และผู้รับบริการและญาติผู้ป่วย
ในโอกาสนี้คุณกัญตา คำพอ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร ได้ร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน และบุคลากร ณรงค์การใช้ส้วมสาธารณะที่ถูกต้อง และการล้างมือที่ถูกวิธี 7 ขั้นตอน และได้มอบป้ายประชาสัมพันธ์การใช้ส้วมสาธารณะที่ถูกต้อง แก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม และมอบรางวัลการแข่งขันทักษะการทำความสะอาดห้องน้ำให้แก่หน่วยงาน โดยหน่วยงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศได้แก่ PCT ศัลยกรรม ชนะเลิศอันดับ 2 PCT เด็ก ชนะเลิศอันดับ 3 หน่วนงานผู้ป่วยนอกและหน่วยงานห้องผ่าตัด

ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานในพิธีรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ขั้นสายสะพาย ประจำปี 2565 และประจำปี 2566

ที่ห้องประชุมตักสิลา ชั้น 4 อาคารผู้ป่วยนอก โรงพยาบาลมหาสารคาม นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามเป็นประธาน ในพิธีรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นสายสะพาย ประจำปี 2565 และประจำปี 2566 เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของข้าราชการในสังกัดโรงพยาบาลมหาสารคาม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม

โดยผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ในครั้งนี้รวมทั้งสิ้นจำนวน 33 ราย  โดยแบ่งเป็นผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประจำปี 2565 ชั้นประถมาภรณ์มงกุฎไทย จำนวน 19 ราย และประจำปี 2565 ชั้นประถมาภรณ์ช้างเผือก จำนวน 1 ราย ชั้นประถมาภรณ์มงกุฎไทยจำนวน 13 ราย

 

 

 

 

รพ.มหาสารคาม ร่วมพิธีวางพานพุ่มถวายราชสักการะ เนื่องในวันพ่อขุมรามคำแหงมหาราช

(17-1-2567  )ที่หอประชุมจังหวัดมหาสารคาม  นางกันตา คำพอ  รองผู้อำนวยฝ่ายบริหาร โรงพยาบาลมหาสารคาม เข้าร่วมพิธีวางพานพุ่มถวายราชสักการะ เนื่องในวันพ่อขุมรามคำแหงมหาราช  โดยมี นายนพสิทธิ์  อุดมสุวรรณกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานในพิธีวางพานพุ่มถวายราชสักการะ เนื่องในวันพ่อขุมรามคำแหงมหาราช เพื่อน้อมรำลึกถึงพระเกียรติคุณ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช  นำหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนจากส่วนราชการ ภาคเอกชน และประชาชนเข้าร่วมพิธี พร้อมกันนี้ โรงพยาบาลยังได้นำบุคลากรร่วมออกหน่วยปฐมพยาบาล เพื่อดูแลผู้ที่มาร่วมพิธีในอีกด้วย
พ่อขุนรามคำแหงมหาราช พระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์พระร่วง กรุงสุโขทัย ทรงทำนุบำรุงปกครองบ้านเมืองด้วยพระเมตตาธรรมต่อไพร่ฟ้า อาณาประชาราษฎร์ทรงสร้างสรรค์มรดกทางศิลปะและวัฒนธรรมที่สำคัญๆ ของชาติไว้อย่างอเนกอนันต์มรดกของชาติที่สำคัญที่สุดก็คือ พ่อขุนรามคำแหงมหาราชได้ทรงคิดประดิษฐ์อักษรไทยขึ้นเมื่อประมาณปีพุทธศักราช 1826 อันเป็นต้นกำเนิดของอักษรไทยที่ใช้กันในทุกวันนี้ นอกจากนี้พระองค์ท่านยังได้ทรงรวบรวมแคว้นต่างๆ เข้าด้วยกันจนเป็นราชอาณาจักรไทยที่กว้างใหญ่ไพศาลกว่าทุกยุคสมัยที่ผ่านมา พระราชกรณียกิจอันเป็นคุณประโยชน์แก่ประโยชน์แก่ประเทศชาติของพระองค์ท่านล้วนแต่เป็นการวางรากฐาน แห่งความเจริญไว้ให้แก่ประเทศชาติและปวงชนชาวไทยทุกคนสืบทอดต่อกันมาเป็นระยะเวลายาวนานมากว่า 718 ปี

รพ.มหาสารคาม  เปิดคลินิกอาชีวเวชกรรม คลินิกตรวจสุขภาพ โฉมใหม่ สวยงาม ทันสมัย  

 

 

(10-01-2567) นายแพทย์ภาคภูมิ มโนสิทธิศักดิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาสารคาม เป็นประธานเปิดห้องตรวจใหม่ คลินิกอาชีวเวชกรรม คลินิกตรวจสุขภาพ โดยตั้งอยู่ภายในอาคารมูลนิธิโรงพยาบาลมหาสารคาม  ซึ่งการปรับปรุงห้องตรวจคลินิกอาชีวเวชกรรม และคลินิกตรวจสุขภาพใหม่นี้ เป็นการพัฒนาศักยภาพรูปแบบจัดบริการเชิงรับให้มีความทันสมัย กระตุ้นความสนใจและการเข้าถึงบริการของกลุ่มเป้าหมายด้วยเทคโนโลยีสอดคล้องกับนโยบายโรงพยาบาลอัจฉริยะ Smart Hospital ของกระทรวงสาธารณสุข และเพิ่มรายได้ให้กับโรงพยาบาลเทคโนโลยีดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในยุคสมัยใหม่มากขึ้น ทำให้โรงพยาบาลมหาสารคามพัฒนาสู่การเป็นโรงพยาบาลอัจฉริยะ หรือ smart Hospital เพราะได้นำเทคโนโลยีมาปรับใช้ให้เกิดความสะดวกสบายในการให้บริการทางสุขภาพ หรือ Smart  Tools  การให้ความสำคัญกับสถานที่ให้บริการที่ต้องสะอาด ปลอดภัย สวยงาม และทันสมัย หรือ Smart place  รวมไปถึงการบริหารจัดการระบบต่างๆ ภายในโรงพยาบาล ช่วยให้เกิดการประหยัดเวลา ลดขั้นตอนการทำงาน และเกิดความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น หรือ smart Service และเชื่อมโยงข้อมูลการบริการและการเรียกเก็บค่าบริการที่มีประสิทธิภาพหรือ smart Outcome ดังเช่นการปรับปรุงสภาพแวดล้อม และนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการจัดบริการในคลินิกอาชีวเวชกรรม และคลินิตรวจสุขภาพแห่งนี้

 

โรงพยาบาลมหาสารคาม ประชุมคณะกรรมการบริหาร ครั้งที่ 12-2566

(27-12-2566) ที่ห้องประชุมตักสิลา ชั้น 4 อาคารผู้ป่วยนอก นายแพทย์ภาคภูมิ นโนสิทธิศักดิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาสารคาม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหาร ครั้งที่ 12/2566 เพื่อติดตามผลการดำเนินงานในรอบเดือนที่ผ่านมา โดยมีคณะกรรมการบริหารร่วมประชุมรับฟังพร้อมนำนโยบายที่ได้รับถ่ายทอด นำสู่บุคลากรผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานต่างๆ เพื่อพัฒนางานด้านการให้บริการและด้านต่าง ๆ ของโรงพยาบาลมหาสารคาม

โรงพยาบาลมหาสารคาม  เปิดศูนย์ชีวาภิบาล และสถานชีวาภิบาล พร้อมขับเคลื่อนการพัฒนาระบบบริการด้านการดูแลประคับประคอง ตามนโนบายของกระทรวงสาธารณสุข

 

(27-12-2566)  นายแพทย์ภาคภูมิ  มโนสิทธิศักดิ์  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาสารคาม  เป็นประธานเปิดเปิดศูนย์ชีวาภิบาลและสถานชีวาภิบาล

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ผู้ป่วยระยะท้าย มีการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขที่เชื่อมโยงบริการทางสังคมโดยการมีส่วนร่วมและการเชื่อมต่อระหว่างบ้าน ชุมชน หน่วยบริการ สถานบริการและศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุอย่างเป็นระบบ ดังนั้นโรงพยาบาลมหาสารคามจึงได้จัดตั้งศูนย์ชีวาภิบาลขึ้นเพื่อสนองนโยบายดังกล่าว และกำหนดเปิดบริการในทุกวันทำการ โดยกลุ่มเป้าหมาย มี 3 กลุ่ม คือ ผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลแบบประคับประคองที่มี PPS น้อยกว่าหรือเท่ากับ 50 คะแนน ผู้สูงอายุกลุ่มพึ่งพิงที่มีค่า ADL น้อยกว่าหรือเท่ากับ 11 คะแนนผู้ป่วยกลุ่มนี้ จะต้องได้รับการลงทะเบียน และได้รับการทำ ACP (Advance Care Planning) อย่างมีคุณภาพ เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง ผู้ป่วยระยะท้าย และผู้ดูแลในครอบครัว ภายใต้นโยบายของ ภาครัฐ ในร่มเงาของสถานชีวาภิบาล เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพมาตรฐาน เพิ่มคุณภาพชีวิต ลดภาระค่าเดินทาง ลดการรอคอย ครอบครัวไร้กังวล ลูกหลานวัยทำงานไม่เสียรายได้